ปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียวในคนท้อง เป็นอย่างไร พร้อมแชร์วิธีรับมือ?

Listen to this article
Ready
ปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียวในคนท้อง เป็นอย่างไร พร้อมแชร์วิธีรับมือ?
ปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียวในคนท้อง เป็นอย่างไร พร้อมแชร์วิธีรับมือ?









































ปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียวในคนท้อง เป็นอย่างไร พร้อมแชร์วิธีรับมือ?
















ปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียวในคนท้อง เป็นอย่างไร พร้อมแชร์วิธีรับมือ?





















































คู่มือคุณแม่มือใหม่ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ พร้อมเคล็ดลับดูแลตัวเอง




















บทความ




















ต.ค. 28, 2025




















6นาที










การเปลี่ยนแปลงทางสรีระเมื่อตั้งครรภ์ทำให้มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้คุณแม่ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย แต่ในทางกลับกัน อาการ ปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติอื่น ๆ ได้เช่นกัน บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจ เพื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์รับมือได้อย่างถูกต้อง





























เก็บไว้อ่านคราวหน้า





































ปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียวในคนท้อง เป็นอย่างไร พร้อมแชร์วิธีรับมือ?
































































คำถามที่พบบ่อย
































คนท้องควรดื่มน้ำวันละเท่าไหร่? ดื่มเยอะจะยิ่งทำให้ฉี่บ่อยหรือไม่?







คนท้องควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรือประมาณ 1-2 ลิตรต่อวัน แม้การดื่มน้ำจะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและช่วยลดความเข้มข้นของปัสสาวะ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้























ทำไมตอนกลางคืนถึงปวดปัสสาวะบ่อย?







สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คุณแม่ต้องตื่นมาปัสสาวะตอนกลางคืน หรือที่เรียกว่า Nocturia อาจมากจากหลายปัจจัยดังนี้

  1. ผลิตปัสสาวะมากเกินไปในตอนกลางคืน:
    • อาจเกิดจากการดื่มน้ำ, เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากเกินไปในช่วงเย็น
    • บางครั้งเป็นผลจากอาการบวมน้ำที่ขา พอนอนราบ ของเหลวจะไหลกลับเข้าสู่ร่างกายและถูกขับออกทางไตมากขึ้น ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น
    • นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณของโรคบางอย่าง เช่น เบาหวาน หรือปัญหาเกี่ยวกับไต
  2. ความจุของกระเพาะปัสสาวะลดลง:
    • ทำให้กระเพาะปัสสาวะกักเก็บปัสสาวะได้น้อยลง จึงต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น

หากคุณแม่ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน ควรปรึกษาคุณหมอที่ดูแลครรภ์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะอาการนี้อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพอื่น ๆ และยังส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับพักผ่อนอีกด้วย






















ถ้าฉี่เล็ดตอนไอหรือจาม เป็นอาการอันตรายไหม?







อาการฉี่เล็ดขณะไอหรือจามเป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ สาเหตุหลักมาจากกล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะที่เสื่อมประสิทธิภาพลง ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ประกอบกับมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ เมื่อคุณแม่ไอหรือจามจะยิ่งเพิ่มแรงดันในช่องท้องและกระตุ้นให้เกิดการปัสสาวะเล็ดออกมา อาการนี้มักจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและส่วนใหญ่จะหายไปเองได้หลังคลอด หากอาการฉี่เล็ดรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันมาก หรือกังวลว่าจะเป็นอันตราย ควรปรึกษาคุณหมอที่ดูแลครรภ์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม





































สรุป

  • อาการปวดฉี่บ่อยแต่ฉี่นิดเดียวในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้าย เป็นเรื่องปกติที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านต้องเจอ เนื่องจากเมื่อทารกเติบโตขึ้น มดลูกของคุณแม่ก็จะขยายตามไปด้วย ทำให้ไปเบียดทับกระเพาะปัสสาวะที่อยู่ใกล้เคียง จึงทำให้คุณแม่รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
  • อาการฉี่บ่อยแต่ฉี่นิดเดียวแค่ไหนถึงเรียกว่าปกติ คุณแม่สามารถสังเกตอาการได้ง่าย ๆ โดยปกติแล้วคนเราจะปัสสาวะประมาณ 6-8 ครั้งใน 24 ชั่วโมง และลุกขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืนเพียง 1-2 ครั้ง หากคุณแม่ปัสสาวะบ่อยกว่านี้ โดยเฉพาะถ้าต้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนหลายครั้ง อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงโรคบางอย่างมากกว่าอาการปัสสาวะบ่อยในตอนกลางวัน ซึ่งมักเกิดจากการดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป
  • อาการปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว ที่คุณแม่ต้องไปพบคุณหมอทันที ได้แก่ ปัสสาวะมีสีขุ่น รู้สึกเจ็บหรือแสบขัดขณะปัสสาวะ มีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย และมีไข้ร่วมด้วย
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบในคุณแม่ตั้งครรภ์ หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้ไตอักเสบเฉียบพลันได้ โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli (E. coli) หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดและทารกมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • คนท้องปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว เกิดจากอะไร?
  • คนท้องปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว แค่ไหนถึงจะเรียกว่า 'ปกติ'
  • คนท้องปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว อาการแบบไหนที่คุณแม่ต้องไปพบคุณหมอ
  • กระเพาะปัสสาวะอักเสบในคนท้อง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  • วิธีป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
  • วิธีดูแลตัวเองเมื่อคุณแม่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
  • คนท้องอั้นฉี่แล้วปวดท้อง อาจเป็นสัญญาณของอาการท้องแข็ง

 

คนท้องปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว เกิดจากอะไร?

คุณแม่หลายท่านคงสงสัยว่าทำไมถึงต้องเข้าห้องน้ำบ่อยจัง โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้าย อาการปวดปัสสาวะบ่อยนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ค่ะ เนื่องจากเมื่อเจ้าตัวน้อยเติบโตขึ้นในครรภ์ มดลูกของคุณแม่ก็จะขยายตามไปด้วย ทำให้ไปเบียดทับกระเพาะปัสสาวะที่อยู่ใกล้เคียง จึงทำให้คุณแม่รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ

อาการปัสสาวะบ่อยจะลดลงเองเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สอง เพราะมดลูกจะขยับขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น ทำให้ไม่ไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ แต่จะกลับมาเป็นอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนคลอดค่ะ

แม้จะเป็นอาการปกติและจะหายไปเองหลังคลอด แต่คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการออกกำลังกายขมิบช่องคลอด หรือที่เรียกว่า Kegel exercise ตามคำแนะนำของคุณหมอที่ดูแลครรภ์ ซึ่งจะช่วยบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้แข็งแรง และยังช่วยป้องกันภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้อีกด้วยค่ะ

 

คนท้องปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว แค่ไหนถึงจะเรียกว่า 'ปกติ'

เชื่อว่าคุณแม่คงมีคำถามในใจว่า แล้วอาการฉี่บ่อยแค่ไหนถึงเรียกว่าปกติและไม่ต้องกังวลมากไป? โดยปกติแล้ว ใน 24 ชั่วโมง เราจะปัสสาวะประมาณ 6-8 ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญที่ควรสังเกตคือ หากคุณแม่ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึกมากกว่า 1-2 ครั้ง หรือรู้สึกว่าต้องเข้าห้องน้ำบ่อยผิดปกติในตอนกลางวัน ทั้งที่ไม่ได้ดื่มน้ำมากเกินไป ก็อาจเป็นสัญญาณที่ควรปรึกษาคุณหมอที่ดูแลครรภ์คุณแม่เพื่อตรวจหาสาเหตุนะคะ การใส่ใจในความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของร่างกายจะช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลและดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธีค่ะ

 

คนท้องปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว อาการแบบไหนที่คุณแม่ต้องไปพบคุณหมอ

แม้ว่าอาการปัสสาวะบ่อยจะเป็นเรื่องปกติของคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ แต่หากคุณแม่รู้สึกว่าอาการเหล่านี้เริ่มผิดปกติและรบกวนชีวิตประจำวัน หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจนะคะ ลองสังเกตตัวเองว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่

  • ปัสสาวะมีสีขุ่น หรือมีเลือดปน
  • ปัสสาวะมีสีแดง หรือสีน้ำตาลเข้ม
  • รู้สึกเจ็บหรือแสบขัดขณะปัสสาวะ
  • มีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย
  • ปัสสาวะลำบาก หรือรู้สึกว่าปัสสาวะไม่สุด
  • กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
  • มีไข้

 

หากคุณแม่มีอาการเหล่านี้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แนะนำให้รีบไปปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกวิธีนะคะ การดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลและสุขภาพดีทั้งคุณแม่และลูกน้อยค่ะ

 

กระเพาะปัสสาวะอักเสบในคนท้อง และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากอาการปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์ยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือ UTI (Urinary Tract Infection) ได้ ซึ่งอาการจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่ไม่มีอาการเลย ไปจนถึงอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจทำให้ไตอักเสบเฉียบพลันได้ค่ะ

โดยส่วนใหญ่แล้ว เชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli (E. coli) เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อในคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด หรือทำให้ลูกน้อยมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำกว่าเกณฑ์ได้

นอกจากนี้ ในกรณีที่การติดเชื้อรุนแรงจนเกิดภาวะไตอักเสบเฉียบพลัน อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด ดังนั้นการสังเกตอาการตัวเองและรีบปรึกษาคุณหมอที่ดูแลครรภ์คุณแม่ตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยปลอดภัยและมีสุขภาพดีตลอดการตั้งครรภ์ค่ะ

วิธีสังเกตอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบในคนท้อง

เพื่อให้คุณแม่สังเกตอาการตัวเองได้อย่างทันท่วงที ลองมาดูกันว่าอาการแบบไหนที่อาจบ่งชี้ถึงภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบค่ะ

  • ปัสสาวะบ่อย แต่ฉี่นิดเดียว และรู้สึกเหมือนยังปัสสาวะไม่สุด
  • รู้สึกปวดหรือแสบขัด ขณะปัสสาวะ โดยเฉพาะช่วงใกล้จะสุด
  • ปัสสาวะมีสีขุ่น บางครั้งมีกลิ่นผิดปกติ หรือในบางรายอาจถึงขั้นปัสสาวะมีเลือดปน

หากคุณแม่มีอาการเหล่านี้ ควรไปพบคุณหมอที่ดูแลครรภ์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาทันทีนะคะ เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ

 

วิธีป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ค่ะ ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ เพื่อป้องกันและดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากความกังวลนะคะ

1.    เรื่องความสะอาด

  • ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี โดยใช้น้ำเปล่าหรือสบู่อ่อน ๆ ที่มีค่า pH เป็นกลาง
  • หลังเข้าห้องน้ำ ควรเช็ดทำความสะอาดจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากอุจจาระเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
  • หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด รวมถึงน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เพราะอาจทำลายแบคทีเรียดีในช่องคลอดได้

 

2.    การจัดการความอับชื้น

  • ไม่สวมกางเกงที่รัดแน่นเกินไป
  • เลือกใส่กางเกงในที่ทำจากผ้าฝ้าย เพื่อระบายอากาศได้ดี ลดความอับชื้น

 

3.    นิสัยประจำวัน

  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร เพื่อช่วยขับเชื้อแบคทีเรีย
  • อย่าอั้นปัสสาวะเด็ดขาด เมื่อรู้สึกปวดควรรีบเข้าห้องน้ำทันที

 

4.    อาหารและสุขภาพ

  • เลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วย วิตามินซี เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) และสังกะสี เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองกระเพาะอาหาร

การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จะช่วยให้คุณแม่สบายใจและมีสุขภาพที่ดีตลอดการตั้งครรภ์ค่ะ

 

วิธีดูแลตัวเองเมื่อคุณแม่มีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

หากคุณแม่พบว่ามีอาการที่น่าสงสัยว่าเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าพบคุณหมอที่ดูแลครรภ์ทันที เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยอาจสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะสำหรับบรรเทาอาการ

คุณแม่ต้องรับประทานยาตามที่ได้รับคำแนะนำจากคุณหมออย่างเคร่งครัดและครบตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้หมดจด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามซื้อยามารับประทานเองโดยเด็ดขาดนะคะ เพราะยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ การปรึกษาคุณหมอจะทำให้คุณแม่มั่นใจและปลอดภัยที่สุดค่ะ

 

คนท้องอั้นฉี่แล้วปวดท้อง อาจเป็นสัญญาณของอาการท้องแข็ง

ปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียว ก็เลยไม่อยากลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ใช่ไหมคะ? คุณแม่ทราบไหมว่าการอั้นปัสสาวะนาน ๆ อาจส่งผลให้เกิดอาการท้องแข็งได้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เพราะมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจะไปเบียดกับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มดลูกถูกบีบและหดรัดตัวได้ง่ายขึ้น ดังนั้น เมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะเมื่อไหร่ ให้รีบเข้าห้องน้ำทันทีนะคะ อย่าอั้นเด็ดขาดเลย

โดยปกติแล้ว คุณแม่อาจรู้สึกท้องแข็งเป็นครั้งคราว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามีอาการท้องแข็งนานเกิน 10 นาที เป็นต่อเนื่อง 4-5 ครั้งติด ๆ กัน หรือหากมีเลือดออกทางช่องคลอดร่วมด้วย ควรรีบไปพบคุณหมอโดยเร็วที่สุด เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสมค่ะ

อาการปวดฉี่บ่อย แต่ฉี่นิดเดียวในคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยและไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเสมอไป เนื่องจากเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีระของร่างกายที่มดลูกไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ แต่หากมีอาการผิดปกติร่วมด้วย เช่น ปวดแสบขัด ปัสสาวะมีเลือดปน หรือมีไข้ ควรรีบไปปรึกษาคุณหมอทันทีเพื่อความปลอดภัยค่ะ

การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีตลอดการตั้งครรภ์จะช่วยให้คุณแม่สบายใจและมีสุขภาพแข็งแรงจนถึงวันคลอด และเมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลกแล้ว การมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาคือการให้ นมแม่ ซึ่งเป็นอาหารวิเศษที่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและพัฒนาการการเรียนรู้ที่ดีให้ลูกน้อย
นมแม่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่าง แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ที่ช่วยให้ลูกน้อยเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง และยังมีสารภูมิคุ้มกันและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หลายชนิดอย่าง บีแล็กทิส (B. lactis ) ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

  • ฮอร์โมน hCG คืออะไร อาการแพ้ท้องที่เกิดจาก hCG ที่คุณแม่ควรรู้
  • ข้อห้ามคนท้อง 1-3 เดือน ตั้งครรภ์ไตรมาสแรกไม่ควรกินอะไร
  • ตกขาวแบบไหนท้อง อาการตกขาวในคนท้องระยะแรก
  • ท้องลูกแฝด เกิดจากอะไร ตั้งครรภ์แฝดเสี่ยงอันตรายจริงไหม
  • ของเตรียมคลอด คุณแม่ควรเตรียมของไปคลอดอะไรบ้าง




































อ้างอิง:











  1. การตั้งครรภ์ส่งผลกระทบต่อร่างกายทุกส่วนทุกส่วนของผู้หญิง, โรงพยาบาลนครธน
  2. ภาวะปัสสาวะบ่อย, โรงพยาบาลเมดพาร์ค
  3. อาการปัสสาวะบ่อยอย่างไร ถึงเรียกว่าผิดปกติ, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต
  4. Urinary Tract Infections in Pregnancy, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  5. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
  6. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อันตรายต่อคนท้อง รู้ทันป้องกันได้, โรงพยาบาลสินแพทย์ กาญจนบุรี
  7. ท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ เสี่ยงอันตรายแค่ไหน, โรงพยาบาลพญาไท
  8. ภาวะไอ จาม ปัสสาวะเล็ด, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  9. Nocturia: Causes and Treatments for Frequent Urination, Sleep Foundation

 

อ้างอิง ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2568
 















































































คุณแม่ตั้งครรภ์






คุณแม่ตั้งครรภ์














แม่ผ่าคลอด






แม่ผ่าคลอด














ดูแลลูกตามช่วงวัย






ดูแลลูกตามช่วงวัย














ภูมิแพ้ในเด็ก






ภูมิแพ้ในเด็ก














แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน






แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน














พัฒนาการสมองลูกน้อย






พัฒนาการสมองลูกน้อย














การขับถ่ายลูกน้อย






การขับถ่ายลูกน้อย














แม่ให้นม






คุณแม่ให้นมบุตร














ตัวช่วยสำหรับคุณแม่






เครื่องมือตัวช่วยคุณแม่ท้อง พร้อมปฎิทินการตั้งครรภ์














อาหารเด็ก






อาหารเด็ก














S-Mom Club พร้อมเคียงข้างทุกช่วงเวลาที่สำคัญของคุณและลูก






S-Mom Club














วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ






วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ














ผลิตภัณฑ์






ข้อมูลผลิตภัณฑ์














โปรโมชั่น






โปรโมชัน




















































ความคิดเห็น

ความคิดเห็น (0)

ยังไม่มีความคิดเห็นสำหรับบทความนี้

โฆษณา

คำนวณฤกษ์แต่งงาน 2568

ปฏิทินไทย

25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันอังคาร
Advertisement Placeholder (Below Content Area)