
ความดันคนท้อง อันตรายไหม? อาการที่ต้องระวัง และวิธีดูแล
คู่มือคุณแม่มือใหม่ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ พร้อมเคล็ดลับดูแลตัวเอง
บทความ
ต.ค. 28, 2025
8นาที
คำถามที่พบบ่อย
เป็นความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ จำเป็นต้องผ่าคลอดทุกคนหรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องผ่าคลอดทุกคน การตัดสินใจว่าจะคลอดด้วยวิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยจะพิจารณาจากปัจจัยด้านสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยเป็นหลัก หากพบข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ทำให้ไม่สามารถรอการคลอดทางช่องคลอดได้อย่างปลอดภัย แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าคลอดแทน เช่น
- ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง: คุณแม่บางท่านอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงที่ต้องได้รับการคลอดทันที
- โรคประจำตัวบางอย่าง: เช่น คุณแม่ที่มีโรคหัวใจ ซึ่งไม่ควรออกแรงเบ่งคลอด
คุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าการตัดสินใจของแพทย์จะคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของทั้งคุณแม่และลูกน้อยเป็นอันดับแรกเสมอ
อาการครรภ์เป็นพิษจากภาวะความดันโลหิตสูง สังเกตอย่างไร?
ภาวะครรภ์เป็นพิษเป็นเรื่องที่คุณแม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษค่ะ การเรียนรู้ที่จะสังเกตความผิดปกติของร่างกายจะช่วยให้คุณแม่รู้เท่าทันและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ลองสังเกตอาการเหล่านี้
- ค่าความดันโลหิตสูง: หากวัดค่าความดันโลหิตแล้วได้ 140/90 มิลลิเมตรปรอท ขึ้นไป
- อาการบวม: หากคุณแม่พบว่ามีอาการบวมที่มือ เท้า หรือใบหน้ามากกว่าปกติ
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป: โดยทั่วไปน้ำหนักของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 - 2 กิโลกรัมต่อเดือน หากน้ำหนักเพิ่มขึ้นเร็วผิดปกติ ควรปรึกษาคุณหมอ
- อาการทางสายตาและศีรษะ: มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง, ตาพร่ามัว หรือมองเห็นไม่ชัด
- อาการจุกเสียด: รู้สึกปวดหรือจุกเสียดแน่นบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา
หากคุณแม่พบอาการเหล่านี้แม้เพียงอย่างเดียว ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียด
เป็นความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์...กินเค็มได้ไหม?
สำหรับคุณแม่ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ การดูแลเรื่องอาหารเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องรสเค็ม แนะนำให้คุณแม่หลีกเลี่ยงหรือลดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป, อาหารหมักดอง, หรือ ปรุงรสเค็มจัด
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง, น้ำอัดลม, น้ำหวาน, เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น หมูสามชั้น หรือหนังไก่
การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และอาหารครบ 5 หมู่ จะช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพที่ดี และช่วยควบคุมภาวะความดันโลหิตให้เหมาะสมได้
สรุป
- ความดันโลหิต คือแรงดันของเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในหลอดเลือด ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ 120/80 - 139/89 มิลลิเมตรปรอท แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว ร่างกายจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงทารกได้ดีขึ้น ทำให้ความดันโลหิตในระยะแรกจะต่ำลงเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในภายหลังค่ะ
- ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ คือภาวะที่อันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นกับคุณแม่เมื่ออายุครรภ์ตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไป โดยจะมีความดันโลหิตสูงถึง 140/90 มิลลิเมตรปรอท หรือสูงกว่านั้น
- สัญญาณเตือนของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ที่คุณแม่สามารถสังเกตได้ คือ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอาการบวมมากที่ใบหน้าและมือ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง หรือรู้สึกจุกแน่นลิ้นปี่ เป็นต้น
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ความดันโลหิตคืออะไร
- ความดันคนท้องปกติควรเป็นเท่าไหร่
- ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์คืออะไร
- สังเกตอาการ...สัญญาณเตือนภาวะความดันโลหิตสูง
- ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
- ประเภทของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
- ความดันสูงขณะตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง
- สัญญาณเตือนความดันโลหิตสูงที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
- วิธีดูแลตัวเองและป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
- คลายข้อสงสัยปัญหาความดันคนท้อง
ความดันโลหิตคืออะไร
คุณแม่ทราบไหมคะว่า ความดันโลหิต เปรียบเสมือนแรงดันน้ำในท่อที่เกิดจากการทำงานของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเพื่อสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายของเรา แรงดันนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ค่าที่สำคัญค่ะ
- ค่าตัวบน (Systolic blood pressure): คือแรงดันสูงสุดที่เกิดขึ้นในหลอดเลือดขณะที่หัวใจกำลังบีบตัวเพื่อส่งเลือดออกไป
- ค่าตัวล่าง (Diastolic blood pressure): คือแรงดันที่ต่ำที่สุดขณะที่หัวใจกำลังคลายตัวเพื่อรับเลือดกลับเข้ามา
การทำความเข้าใจค่าความดันโลหิตจะช่วยให้คุณแม่ดูแลสุขภาพตัวเองได้ดียิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
ความดันคนท้องปกติควรเป็นเท่าไหร่
คุณแม่หลายท่านอาจสงสัยว่าค่าความดันโลหิตแบบไหนถึงจะเรียกว่าปกติ โดยทั่วไปแล้ว ค่าความดันโลหิตของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 120/80 ถึง 139/89 มิลลิเมตรปรอท แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งค่ะ ในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ร่างกายจะปรับตัวเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงลูกน้อยในครรภ์ได้ดีขึ้น ทำให้ ความดันคนท้อง โดยทั่วไปแล้วจะลดต่ำลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกและช่วงกลางของการตั้งครรภ์ ก่อนที่จะค่อย ๆ กลับมาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในภายหลัง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่ร่างกายกำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อลูกในท้องของเราค่ะ
ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์คืออะไร
ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ คือภาวะที่อันตรายและเป็นเรื่องที่คุณแม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษค่ะ เพราะเสี่ยงเกิดครรภ์เป็นพิษและเสียชีวิตขณะตั้งครรภ์ได้ ภาวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อ ความดันคนท้องสูงขึ้น ตั้งแต่ตัวบน 140 หรือตัวล่าง 90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป โดยมักจะเริ่มแสดงอาการเมื่ออายุครรภ์ตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไปค่ะ
สาเหตุของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของภาวะนี้ได้ค่ะ แต่ทางการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น
- ความผิดปกติของรก: อาจมีการฝังตัวของรกที่ตื้นเกินไป ทำให้เลือดไปเลี้ยงรกไม่เพียงพอตั้งแต่ช่วงแรกของการตั้งครรภ์
- ความผิดปกติของหลอดเลือด: ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญอย่างตับและไตได้ลดลง
- พันธุกรรม: คนในครอบครัวมีประวัติภาวะครรภ์เป็นพิษมาก่อน คุณแม่ก็จะมีโอกาสเกิดภาวะนี้ได้มากกว่าคนอื่น
- ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันหรือฮอร์โมน: ทำให้ร่างกายสร้างหลอดเลือดไปเลี้ยงรกได้ไม่เพียงพอ จนรกขาดเลือด เนื้อรกตาย และส่งผลให้หลอดเลือดทั่วร่างกายหดตัวได้ในที่สุด
สังเกตอาการ...สัญญาณเตือนภาวะความดันโลหิตสูง
คุณแม่สามารถสังเกตอาการเหล่านี้ด้วยตนเองได้ในเบื้องต้น หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อตรวจวัด ความดันคนท้อง และรับคำปรึกษาทันทีค่ะ
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- อาการบวม ที่ใบหน้าและมือ (บวมมากกว่าปกติ)
- ปวดศีรษะ อย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
- จุกแน่นลิ้นปี่ หรือปวดบริเวณชายโครงขวา
- การมองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นแสงวาบ ตาพร่ามัว
- ความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท (เมื่อวัดด้วยเครื่องวัดความดัน)
- คลื่นไส้ อาเจียน หรือปัสสาวะน้อยลง
การรู้เท่าทันและไม่ละเลยสัญญาณเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
คุณแม่หลายท่านอาจกังวลว่าตัวเองจะมีความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์หรือไม่ ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ทุกท่าน แต่จะมีบางปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงได้มากขึ้นค่ะ
คุณแม่กลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังการเกิดความดันโลหิตสูงเป็นพิเศษ
การดูแล ความดันคนท้อง อย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณแม่มีปัจจัยเหล่านี้ อาจต้องดูแลสุขภาพและตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอค่ะ
- ช่วงอายุ: คุณแม่ที่อายุน้อยกว่า 20 ปี หรือมากกว่า 35 ปี
- การตั้งครรภ์ครั้งแรก: คุณแม่ที่เพิ่งตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก
- การตั้งครรภ์แฝด
- ประวัติครอบครัว: มีพี่น้อง หรือคุณแม่ที่มีประวัติความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
- ประวัติสุขภาพส่วนตัว: มีประวัติความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์มาก่อน หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูงเรื้อรัง, โรคไต, หรือโรคภูมิแพ้บางชนิด เช่น โรคเอสแอลอี (SLE)
การทราบถึงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้คุณแม่ดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม และปรึกษาคุณหมอเพื่อหาแนวทางป้องกันได้อย่างทันท่วงทีค่ะ
ประเภทของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
เพื่อช่วยให้คุณแม่ทำความเข้าใจภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ได้ดียิ่งขึ้น ภาวะนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ค่ะ
1. ภาวะครรภ์เป็นพิษ
เป็นภาวะที่ ความดันคนท้อง สูงขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่ออายุครรภ์เกิน 20 สัปดาห์ และเริ่มส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญอื่น ๆ เช่น สมอง ตับ หรือไต โดยอาจมีอาการร่วมอย่างปวดหัว มองเห็นไม่ชัด หรือมีโปรตีนในปัสสาวะ ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้แม้หลังคลอด แต่โดยปกติแล้วร่างกายจะค่อย ๆ ฟื้นตัวและกลับมาเป็นปกติในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์หลังคลอดค่ะ
2. ภาวะความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์
เป็นภาวะที่คุณแม่มีความดันโลหิตสูงขึ้นหลังจากอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ แต่ยังไม่มีอาการอื่น ๆ ของภาวะครรภ์เป็นพิษ อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้สามารถพัฒนาไปเป็นครรภ์เป็นพิษได้ในภายหลัง หรืออาจกลายเป็นความดันโลหิตสูงเรื้อรังหากความดันยังไม่ลดลงภายใน 3 เดือนหลังคลอดค่ะ
3. ภาวะความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
สำหรับคุณแม่ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ หรือตรวจพบก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ และความดันโลหิตยังคงสูงอยู่แม้คลอดบุตรไปแล้ว 3 เดือน ภาวะนี้จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มความดันโลหิตสูงเรื้อรังค่ะ
4. ภาวะความดันโลหิตสูงเรื้อรังร่วมกับภาวะครรภ์เป็นพิษ
เป็นกรณีที่ซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อยค่ะ คือคุณแม่มีภาวะความดันโลหิตสูงเรื้อรังอยู่ก่อนแล้ว และหลังจากตั้งครรภ์นานกว่า 20 สัปดาห์ ความดันคนท้อง กลับสูงขึ้นและมีอาการของภาวะครรภ์เป็นพิษร่วมด้วย
ความดันสูงขณะตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง
คุณแม่หลายท่านอาจกังวลว่าภาวะความดันโลหิตสูงนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ภาวะนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ได้ค่ะ
1. ผลกระทบต่อคุณแม่:
ภาวะนี้อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ได้ เช่น
- การทำงานของอวัยวะที่ล้มเหลว: อาจทำให้ไตวาย, ตับวาย, หรือเกล็ดเลือดต่ำ
- ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง: อาจทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมปอด, ตาบอดชั่วคราวหรือถาวร, หรือรกลอกตัวก่อนกำหนด
- ความรุนแรงถึงชีวิต: หากอาการรุนแรงมาก อาจทำให้คุณแม่ชัก, มีเลือดออกในสมอง, หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
2. ผลกระทบต่อทารกในครรภ์:
ในส่วนของลูกน้อย ภาวะความดันคนท้องที่สูงผิดปกติจะทำให้การไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงทารกไม่เพียงพอ ส่งผลให้
- การเจริญเติบโตช้า: ลูกอาจมีขนาดตัวเล็กกว่าที่ควรจะเป็นตามอายุครรภ์
- ความเสี่ยงในการคลอด: อาจต้องคลอดก่อนกำหนด
- ความเสี่ยงต่อชีวิต: ในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้ลูกเสียชีวิตในครรภ์ได้
การดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดและเข้ารับการตรวจตามนัดหมายกับคุณหมอที่ดูแลครรภ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้คุณแม่และลูกน้อยปลอดภัยตลอดการตั้งครรภ์ค่ะ
สัญญาณเตือนความดันโลหิตสูงที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
หากคุณแม่มีความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ และพบอาการเหล่านี้แม้เพียงเล็กน้อย ควรรีบไปโรงพยาบาลแจ้งคุณหมอที่ดูแลคุณแม่ทันทีค่ะ เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณว่าภาวะความดันคนท้องกำลังรุนแรงขึ้นและต้องการการดูแลทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง: อาการปวดหัวที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและไม่ทุเลาลง
- ตามัวหรือการมองเห็นผิดปกติ: การมองเห็นเป็นภาพซ้อน, เห็นแสงระยิบระยับ, หรือตามัวลง
- จุกแน่นลิ้นปี่: รู้สึกแน่นหรือเจ็บปวดบริเวณใต้ซี่โครงด้านขวาหรือลิ้นปี่
- ปวดเกร็งท้องและมีเลือดออกทางช่องคลอด: อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
- ลูกดิ้นน้อยลง: หากรู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการทันที
การรู้เท่าทันและไม่ละเลยสัญญาณเหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
วิธีดูแลตัวเองและป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์
คุณแม่สามารถช่วยป้องกันและดูแลตัวเองจากภาวะความดันโลหิตสูงได้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมาฝากครรภ์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้คุณหมอได้ตรวจเช็ก ความดันคนท้อง และตรวจโปรตีนในปัสสาวะอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติใด ๆ จะได้วางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงทีค่ะ นอกจากการพบคุณหมอตามนัดแล้ว คุณแม่สามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้ง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: หลายคนสงสัยว่าคนท้องความดันสูงต้องกินอะไร แนะนำให้เน้นอาหารครบ 5 หมู่ และเลือกอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช รวมถึงโปรตีนไขมันต่ำ และดื่มนมเป็นประจำ
- ออกกำลังกายเบา ๆ ตามคำแนะนำจากคุณหมอ: ลองเดินวันละ 30 นาที หรือทำกิจกรรมที่เหมาะสมกับคุณแม่ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเครียด
- ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม: ดูแลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ที่คุณหมอแนะนำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี
- นับลูกดิ้นทุกวัน: การนับลูกดิ้นเป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณแม่ได้ใกล้ชิดกับลูกน้อย และยังเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงสุขภาพของลูกได้ค่ะ โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ควรนับลูกดิ้นหลังรับประทานอาหารแต่ละมื้อ หากนับรวมกัน 3 มื้อแล้ว ลูกดิ้นรวมกันมากกว่า 10 ครั้ง ถือว่าปกติ แต่หาก น้อยกว่า 10 ครั้ง ควรรีบไปพบคุณหมอทันทีค่ะ
คลายข้อสงสัยปัญหาความดันคนท้อง
เพราะเรื่องสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญ "S-mom Club" จึงพร้อมอยู่เคียงข้างคุณแม่ ด้วยการรวบรวมข้อมูลดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณแม่คลายข้อสงสัยและรับมือกับปัญหา ความดันคนท้อง ได้อย่างมั่นใจตลอด 9 เดือนค่ะ
คุณแม่ท้องที่ 2 เป็นความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ได้ไหม
หากคุณแม่มีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ในการตั้งครรภ์ครั้งแรกแล้ว เมื่อมีการตั้งครรภ์ที่สอง อาจทำให้เกิดภาวะนี้ซ้ำอีกได้ และอาจมีแนวโน้มจะมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สอง หากเคยมีประวัติภาวะความดันโลหิตสูงมาก่อนหน้านี้แล้ว ควรรีบปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์และแจ้งประวัติดังกล่าวให้ทราบโดยทันที
หลังคลอดยังต้องติดตามภาวะความดันโลหิตสูงอยู่ไหม?
คุณแม่หลายท่านอาจคิดว่าเมื่อคลอดน้องแล้ว ภาวะความดันโลหิตสูงก็จะหายไปทันที แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความดันคนท้อง ที่สูงขึ้นจากภาวะนี้ในบางรายอาจไม่ได้ลดลงอย่างรวดเร็วหลังคลอดค่ะ
ดังนั้น การเข้ารับการตรวจและวัดความดันโลหิตตามนัดหลังคลอดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยปกติแล้ว ความดันโลหิตที่สูงขึ้นจากภาวะนี้ควรจะกลับมาเป็นปกติในระยะเวลาไม่เกิน 12 สัปดาห์หลังคลอด แต่หากความดันยังคงสูงอยู่หลังจากนั้น อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณแม่มีความดันโลหิตสูงเรื้อรังอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งในกรณีนี้คุณหมอจะแนะนำให้เข้ารับการดูแลจากอายุรแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ
ทำไมคุณแม่ตั้งครรภ์ควรเข้ารับการฝากครรภ์และไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ?
จะเห็นได้ว่า ภาวะความดันคนท้อง เป็นเรื่องใกล้ตัวที่คุณแม่หลายท่านต้องเจอในระหว่างการตั้งครรภ์ จากข้อมูลสถิติในประเทศไทย เราพบคุณแม่ที่มีภาวะนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 รายต่อปี ดังนั้น การเข้ารับการฝากครรภ์และมาพบคุณหมอตามนัดหมายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คุณหมอได้ดูแลและตรวจสุขภาพของคุณแม่ได้อย่างใกล้ชิดที่สุด เพื่อให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ปลอดภัย และแข็งแรงตลอด 9 เดือนค่ะ
การดูแลลูกน้อยให้แข็งแรงสมบูรณ์ไม่เพียงแค่เฉพาะช่วงตั้งครรภ์เท่านั้น แต่คุณแม่ยังสามารถส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายและสมองของลูกได้อย่างต่อเนื่องหลังคลอดด้วยการให้ นมแม่ ซึ่งเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูก องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ แนะนำให้ลูกกินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดถึงอย่างน้อย 6 เดือน และควรกินต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ปี ควบคู่กับอาหารตามวัยที่เหมาะสม
นมแม่มีสารอาหารครบถ้วนมากกว่า 200 ชนิด ทั้งสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, สารต้านอนุมูลอิสระ, วิตามิน, และเซลล์สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อย่างจุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส (B. lactis) ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของลูกแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีสารสำคัญอย่าง แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสมองให้ลูกน้อยช่วยให้ลูกคิดวิเคราะห์ จดจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่
- Health check แบบประเมินสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของลูกน้อย
- อาการคนแพ้ท้องครั้งแรก พร้อมวิธีรับมืออาการแพ้ท้อง
- อาการมโนว่าท้อง กังวลไปเองว่าท้อง พร้อมวิธีเช็กอาการตัวเอง
- คนท้องฉี่สีอะไร สีปัสสาวะคนท้องบอกอะไรคุณแม่ได้บ้าง
- อาการคันของคนท้อง เกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้คันท้องคนท้อง
อ้างอิง:
- ความดันโลหิตของคุณแม่ตั้งครรภ์, โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน
- ความดันปกติ ทุกช่วงอายุ เท่าไหร่ ความดันขึ้น 200 ทำไง, โรงพยาบาล MedPark
- ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
- ความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์, โรงพยาบาลนนทเวช
- ภาวะครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia), โรงพยาบาล MedPark
- การนับลูกดิ้น, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
- ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ภาวะสำคัญที่คุณแม่ท้องต้องใส่ใจ, โรงพยาบาลสมิติเวช
- คลอดบุตรปกติ / คลอดธรรมชาติ, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
- ครรภ์เป็นพิษ เรื่องที่แม่ท้องต้องระวัง, โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่
- ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
- “น้ำนมแม่” ประโยชน์แท้จากธรรมชาติ, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
อ้างอิง ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2568

คุณแม่ตั้งครรภ์

แม่ผ่าคลอด

ดูแลลูกตามช่วงวัย

ภูมิแพ้ในเด็ก

แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน

พัฒนาการสมองลูกน้อย

การขับถ่ายลูกน้อย

คุณแม่ให้นมบุตร

เครื่องมือตัวช่วยคุณแม่ท้อง พร้อมปฎิทินการตั้งครรภ์

อาหารเด็ก

S-Mom Club

วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

โปรโมชัน



ความคิดเห็น