เชื้อราในปากทารก อันตรายไหม ดูแลทารกมีเชื้อราในปากยังไงดี

Listen to this article
Ready
เชื้อราในปากทารก อันตรายไหม ดูแลทารกมีเชื้อราในปากยังไงดี
เชื้อราในปากทารก อันตรายไหม ดูแลทารกมีเชื้อราในปากยังไงดี









































เชื้อราในปากทารก อันตรายไหม ดูแลทารกมีเชื้อราในปากยังไงดี
















เชื้อราในปากทารก อันตรายไหม ดูแลทารกมีเชื้อราในปากยังไงดี





















































รวมเคล็ดลับการเลี้ยงทารกแรกเกิด - 1 ปี




















บทความ




















พ.ย. 12, 2025




















8นาที










เชื้อราในปาก เป็นการติดเชื้อที่พบได้บ่อยในทารกและผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ถึงแม้ว่าเชื้อราในปากจะไม่เป็นปัญหามากนักในเด็กทั่วไป แต่สำหรับเด็กที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาการอาจรุนแรงและควบคุมได้ยาก ดังนั้น คุณแม่จึงควรทำความเข้าใจสาเหตุของเชื้อราในปากทารก อาการ และการดูแลอย่างถูกวิธี ซึ่งเราได้นำมาฝากในบทความนี้แล้วค่ะ





























เก็บไว้อ่านคราวหน้า





































เชื้อราในปากทารก อันตรายไหม ดูแลทารกมีเชื้อราในปากยังไงดี
































































คำถามที่พบบ่อย
































จะแยกได้อย่างไรว่าคราบขาวที่ลิ้นลูกเป็น 'คราบนม' หรือ 'เชื้อรา'?







วิธีแยกง่าย ๆ คือลองใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นเช็ดเบา ๆ ค่ะ ถ้าเป็น "คราบนม" จะสามารถเช็ดออกได้ง่าย แต่ถ้าเป็น "เชื้อรา" จะเกาะติดแน่น เช็ดยาก หรือเช็ดไม่ออกเลย และอาจมีรอยแดงหรือเลือดซึมใต้คราบขาวนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง























ถ้าแม่เป็นเชื้อราที่หัวนม จะทำให้ลูกติดเชื้อราในปากได้ไหม?







ได้ค่ะ ทารกสามารถติดเชื้อราในปากจากการให้นมแม่ได้ หากแม่เป็นเชื้อราที่หัวนม สังเกตได้จากคุณแม่อาจมีอาการเจ็บหัวนม แสบร้อน หัวนมแดงแตกบ่อย รักษาไม่หาย ส่วนทารกจะเห็นฝ้าขาวที่ลิ้น เพดานปาก และกระพุ้งแก้ม หากสงสัยว่าติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หรือคลินิกนมแม่เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง























ลูกเป็นเชื้อราในปากบ่อยมาก ทำอย่างไรดี?







หากลูกเป็นซ้ำบ่อย ๆ อาจต้องเข้มงวดเรื่องการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ขวดนม จุกหลอก ของเล่น ให้มากขึ้น และคุณแม่ที่ให้นมลูกควรดูแลเต้านมให้แห้งทุกครั้งหลังให้นม ในบางกรณี การเป็นเชื้อราบ่อยอาจเป็นสัญญาณของภาวะภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง





































สรุป

  • เชื้อราในปาก (Oral Thrush) เกิดจากเชื้อราแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida Albicans) ที่ปกติอาศัยอยู่ในปากและลำไส้ โดยทั่วไปแล้วภูมิคุ้มกันของเราจะคอยควบคุมเชื้อรานี้ไว้ให้สมดุล แต่เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กยังทำงานไม่เต็มที่ เชื้อราจึงอาจเติบโตมากเกินไปจนเกิดการติดเชื้อได้
  • ฝ้าขาวในปากทารกอาจทำให้คุณแม่สับสนระหว่าง "คราบนม" กับ "เชื้อราในปาก" แต่วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ลองใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดดู หากเช็ดแล้วคราบยังติดแน่นไม่หายไป แสดงว่าคราบนี้คือ "เชื้อราในปาก" ไม่ใช่คราบนม
  • การติดเชื้อราบริเวณผ้าอ้อม หรือผื่นผ้าอ้อมจากเชื้อรา มักมีลักษณะเป็นผื่นแดงสด อาจเป็นจุดเล็ก ๆ หรือปื้นใหญ่ โดยมีลักษณะเด่นคือ ขอบผื่นมักนูนชัด หรือมีตุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่รอบ ๆ ผื่นหลัก บางครั้งอาจพบตุ่มหนองคล้ายสิวร่วมด้วย
  • คุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์หากมีอาการที่สงสัยว่า ลูกเป็นเชื้อราในปาก เช่น มีคราบขาว เจ็บ หรือมีเลือดออก และควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง หากใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำแล้วอาการไม่ดีขึ้น

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

  • ทำความเข้าใจ "เชื้อราในปากทารก" (Oral Thrush)
  • วิธีสังเกต อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าลูกเป็นเชื้อราในปาก
  • การดูแลและป้องกันเชื้อราในปากเด็ก
  • เชื้อราในบริเวณผ้าอ้อม ต่างจากผื่นผ้าอ้อมอย่างไร
  • สัญญาณอันตราย: อาการแบบไหนที่ต้องรีบไปหาหมอ

 

ทำความเข้าใจ "เชื้อราในปากทารก" (Oral Thrush)

เชื้อราในปาก (Oral Thrush) เป็นการติดเชื้อที่พบได้บ่อยในทารกและเด็กเล็ก ซึ่งเกิดจากเชื้อราแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida Albicans) ที่ปกติอาศัยอยู่ในปากและลำไส้ โดยทั่วไปแล้วภูมิคุ้มกันของเราจะคอยควบคุมเชื้อรานี้ไว้ให้สมดุล จึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ แต่เนื่องจากภูมิคุ้มกันของเด็กยังทำงานไม่เต็มที่ เชื้อราจึงอาจเติบโตมากเกินไปจนเกิดการติดเชื้อได้

เชื้อราในปากเกิดจากอะไร?

เชื้อราในปากทารก ที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวลนั้น แท้จริงแล้วเกิดจากอะไร? สาเหตุที่ทารกอาจเป็นเชื้อราในปาก มีดังนี้ค่ะ

  1. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หลังคลอด ระบบภูมิคุ้มกันของทารกแรกเกิดยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอนี้อาจเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อและทำให้เชื้อราแบ่งตัวจนก่อให้เกิดเชื้อราในปากได้
  2. สภาพแวดล้อมในช่องปาก เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่ชื้นและอุ่น ดังนั้น ปากจึงเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการติดเชื้อค่ะ
  3. การใช้ยาบางชนิดและยาปฏิชีวนะ อาจทำให้เกิดเชื้อราในปากได้ แม้ว่ายาปฏิชีวนะจะใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่มันก็จะฆ่าแบคทีเรียดีไปด้วย ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้เชื้อราเติบโตได้
  4. การติดเชื้อระหว่างคลอด หากคุณแม่มีการติดเชื้อราในช่องคลอดระหว่างตั้งครรภ์ เชื้อราอาจถ่ายทอดไปยังทารกแรกเกิดในระหว่างการคลอดได้

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเชื้อราในปากทารก

เชื้อราในปากอาจเกิดได้จากการสัมผัสเชื้อโดยตรง หรือเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ที่เอื้อให้เชื้อราเติบโตได้ง่ายขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ สามารถสรุปได้ดังนี้

1. การระคายเคืองในช่องปาก

การดูดนมทั้งจากเต้าและขวดที่นานเกินไป เช่น นานเกิน 20 นาที หรือการใช้จุกหลอกมากเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก ซึ่งเอื้อต่อการติดเชื้อรา

2. การสัมผัสเชื้อราจากอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด

การใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น จุกนม ขวดนม จุกนมหลอก และชิ้นส่วนเครื่องปั๊มนม ที่ไม่ได้ฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องหลังการใช้งาน

 

ทารกใช้จุกหลอก

 

3. การแพร่กระจายเชื้อจากบุคคลอื่น

การที่คุณแม่ให้นมมีอาการติดเชื้อราที่หัวนม หรือเต้านมของแม่ที่ไม่สะอาดหรืออับชื้น การสัมผัสปากทารกหรือของใช้ทารกด้วยมือที่ไม่สะอาด รวมถึงการใช้ของร่วมกัน เช่น การที่ผู้ใหญ่หรือเด็กคนอื่นเอาจุกนมหลอกของทารกเข้าปาก ก็อาจทำให้เกิดเชื้อราในปากเด็กได้

 

วิธีสังเกต อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าลูกเป็นเชื้อราในปาก

ฝ้าขาวในปากทารกอาจทำให้คุณแม่สับสนระหว่าง "คราบนม" กับ "เชื้อราในปาก" เพราะมีลักษณะคล้ายกันมาก แต่วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ลองใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดดู หากเช็ดแล้วคราบยังติดแน่นไม่หายไป แสดงว่าคราบนี้คือ "เชื้อราในปาก" ไม่ใช่คราบนมค่ะ

ลักษณะคราบขาวที่ "ไม่ใช่" คราบนม และอาการอื่น ๆ ที่พบร่วมได้

คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ ของลูกน้อย เนื่องจากเชื้อราในปากทารกอาจใช้ระยะเวลาสักพักกว่าจะแสดงอาการให้เห็นอย่างชัดเจน โดยหากลูกมีอาการงอแง หงุดหงิดง่ายเวลาดูดนม อาจสังเกตอาการดังนี้ร่วมด้วย

  • เกิดคราบขาวที่ลิ้นและภายในช่องปาก บางครั้งอาจพบบริเวณเหงือก เพดานปาก กระพุ้งแก้ม และต่อมทอนซิล
  • ริมฝีปากแห้ง มีรอยแดง แตกที่มุมปาก
  • ลิ้นไม่รับรส ไม่รู้รสชาติอาหาร
  • ปวดแสบ ปวดร้อนในช่องปาก เนื่องจากมีแผลในช่องปาก
  • มีแผลผุพอง หรือปากแตก
  • ปากและลำคอเกิดอาการแดง อาจเกิดการติดเชื้อราลุกลามลงสู่หลอดอาหาร ทำให้เคี้ยวหรือกลืนอาหารลำบาก ซึ่งลูกอาจแสดงอาการหงุดหงิด ร้องงอแงขณะดูดนม

 

การดูแลและป้องกันเชื้อราในปากเด็ก

การป้องกันเชื้อราในปากเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเรื่องสุขอนามัยรอบตัวลูกน้อย รวมถึงสิ่งที่ลูกน้อยสามารถนำเข้าปากได้ในกิจวัตรประจำวัน

1. ล้างมือให้สะอาด

ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังสัมผัสปากของลูก หรือสัมผัสสิ่งของที่เข้าปากลูก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

ดูแลให้ลูกดื่มน้ำหรือของเหลวให้เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

3. ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ให้นม

ฆ่าเชื้อจุกนม ขวดนม และชิ้นส่วนของอุปกรณ์ปั๊มนม ทุกครั้งหลังใช้งาน โดยนำไปต้มในน้ำเดือด 10 นาที และรอให้เย็นก่อนนำกลับมาใช้

4. จำกัดเวลาให้นม

จำกัดเวลาให้นม ทั้งจากเต้าและขวดไว้ที่ 20 นาทีต่อมื้อ เนื่องจากการดูดเป็นเวลานานอาจเพิ่มการระคายเคืองในช่องปากได้ค่ะ

5. ใช้จุกหลอกอย่างระมัดระวัง

ควรใช้เฉพาะเมื่อจำเป็น หรือเมื่อปลอบด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล และควรมีจุกหลอกสำรองหลายอันเพื่อสลับกันฆ่าเชื้อระหว่างใช้งาน โดยฆ่าเชื้อด้วยวิธีเดียวกับการต้มจุกนม และขวดนม รวมถึงห้ามผู้ใหญ่หรือเด็กคนอื่น เอาจุกนมหลอกของลูกเข้าปากตนเอง

6. หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน

ไม่ควรใช้ขวดนม แก้วน้ำ หรือของเล่นของลูกร่วมกับผู้อื่น

7. สำหรับคุณแม่ที่ให้นมบุตร

ควรทำความสะอาดหัวนมด้วยน้ำสะอาด และซับให้แห้งทุกครั้งหลังให้นม หากเต้านมมีสัญญาณการติดเชื้อ เช่น เจ็บ แดง หรืออักเสบ ให้รีบปรึกษาแพทย์ เพราะคุณแม่อาจต้องรับการรักษาไปพร้อมกันกับลูกด้วย

8. ให้นมแม่อย่างต่อเนื่อง

การให้นมแม่อย่างต่อเนื่องช่วยเสริมภูมิคุ้มกันที่ยังไม่แข็งแรงของทารกได้ เพราะน้ำนมแม่มีภูมิต้านทานช่วยกำจัดเชื้อรา ซึ่งส่งผ่านจากแม่ไปสู่ลูกโดยตรง ช่วยให้ลูกแข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อ

 

เชื้อราในบริเวณผ้าอ้อม ต่างจากผื่นผ้าอ้อมอย่างไร

หากพบว่าลูกมีผื่นผ้าอ้อม อาจเกิดจากการติดเชื้อราในบริเวณผ้าอ้อม คุณแม่ควรเข้าใจความแตกต่างและแยกให้ออกระหว่างผื่นผ้าอ้อม กับ เชื้อราบริเวณผ้าอ้อม โดยผื่นผ้าอ้อมเกิดจากความชื้นบนผิวของทารก สามารถดูแลได้โดยทำให้ผิวของทารกแห้ง และมักจะหายภายใน 2-3 วัน แต่เชื้อราในบริเวณผ้าอ้อมเป็นการติดเชื้อที่ต้องดูแลโดยการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์

 

ทารกนอนเล่นบนพรม

 

ลักษณะอาการ

การติดเชื้อราบริเวณผ้าอ้อม หรือผื่นผ้าอ้อมจากเชื้อรา มักมีลักษณะเป็นผื่นแดงเข้ม อาจเป็นจุดเล็ก ๆ หรือปื้นใหญ่ โดยมีลักษณะเด่นคือ ขอบผื่นมักนูนชัด หรือมีตุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่รอบ ๆ ผื่นหลัก บางครั้งอาจพบตุ่มหนองคล้ายสิวร่วมด้วย

สาเหตุที่พบบ่อยของการติดเชื้อราในบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อม

  • ความอับชื้นจากการใส่ผ้าอ้อมเป็นเวลานาน ทำให้เชื้อราแคนดิดา อัลบิแคนส์เติบโตได้ดี
  • การใช้ยาปฏิชีวนะ อาจไปทำลายแบคทีเรียชนิดดีที่คอยควบคุมเชื้อรา ทำให้เชื้อรามีโอกาสเติบโตจนเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

 

วิธีดูแลเมื่อลูกติดเชื้อราในบริเวณที่ใส่ผ้าอ้อม

  • เปลี่ยนผ้าอ้อมทันทีที่ลูกฉี่หรืออึ ควรปลุกลูกเพื่อเปลี่ยนผ้าอ้อมอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงกลางคืน
  • ล้างก้นลูกด้วยน้ำอุ่นและ ใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดจากหน้าไปหลัง ทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อม จากนั้นซับให้แห้งสนิท
  • ห้ามทาแป้ง ทั้งแป้งข้าวโพด แป้งทัลคัม หรือแป้งเด็กทาบริเวณก้น เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
  • ปล่อยให้ลูกเล่นหรือนอนโดยไม่ใส่ผ้าอ้อมบ้าง อากาศจะช่วยให้ผิวแห้งและแผลหายเร็วขึ้น
  • ใส่ผ้าอ้อมแบบหลวม ๆ เพื่อลดการเสียดสี
  • ทายาในบริเวณที่เป็นตามที่แพทย์แนะนำ
  • หากอาการ แย่ลง หรือไม่ดีขึ้นเลย ควรพาลูกไปพบแพทย์

 

สัญญาณอันตราย: อาการแบบไหนที่ต้องรีบไปหาหมอ

คุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์หากมีอาการที่สงสัยว่า ลูกเป็นเชื้อราในปาก เช่น มีคราบขาว เจ็บ หรือมีเลือดออก และควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง หากใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือกลับมาเป็นซ้ำ หรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น โดยให้คุณพ่อคุณแม่พิจารณาตามความเร่งด่วนจากอาการเหล่านี้ค่ะ

อาการฉุกเฉินที่ควรไปพบแพทย์ทันที

  • สงสัยภาวะขาดน้ำ เช่น ไม่ปัสสาวะนานกว่า 8 ชั่วโมง ปัสสาวะสีเข้ม ปากแห้งมาก และร้องไห้ไม่มีน้ำตา
  • ทารกอายุต่ำกว่า 1 เดือน และมีอาการผิดปกติ เช่น ดูอ่อนแรง หรือไม่เหมือนเดิม
  • ลูกดูมีอาการป่วยหนัก หรือซึมลงมาก
  • คิดว่าลูกจำเป็นต้องได้รับการตรวจ และเป็นปัญหาเร่งด่วน

 

อาการที่ควรติดต่อแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง

  • มีไข้
  • มีเลือดออกในช่องปาก
  • ดื่มนมน้อยกว่าปกติ
  • คิดว่าลูกจำเป็นต้องได้รับการตรวจ

 

การติดเชื้อราในปากทารกพบได้บ่อย เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่แข็งแรง หรือได้รับเชื้อราผ่านช่องคลอดของคุณแม่ขณะคลอด รวมถึงเชื้อราที่ปนเปื้อนจากสิ่งของต่าง ๆ รอบตัวลูกน้อย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องหมั่นสำรวจและระมัดระวังในการรักษาความสะอาดตลอดเวลาสำหรับลูกน้อย รวมทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการให้นมแม่อย่างต่อเนื่อง เพราะนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด เช่น ดีเอชเอ (DHA) วิตามิน แคลเซียม รวมถึง แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน (Alphalac Sphingomyelin) ซึ่งช่วยสร้างและเชื่อมต่อเครือข่ายสมองให้แข็งแรง ส่งผลดีเยี่ยมต่อการเรียนรู้และพฤติกรรม ทำให้เด็กเจนใหม่ สมองไวและเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ อีกทั้งยังมีจุลินทรีย์สุขภาพ บี แล็กทิส (B. lactis) หนึ่งในกลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) และยังเป็นโพรไบโอติก ที่สามารถส่งต่อเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยผ่าคลอดได้เป็นอย่างดี

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่มือใหม่

  • เข็มกลัดคนท้องจำเป็นไหม ทำไมคนท้องติดเข็มกลัดคนท้อง
  • ยาบำรุงครรภ์คนท้อง จำเป็นแค่ไหนสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
  • ครรภ์เป็นพิษ วิธีสังเกตอาการและแนวทางป้องกันเพื่อสุขภาพแม่และลูก
  • คนท้องกินเผ็ดได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า
  • คนท้องกินโซดาได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือเปล่า




































อ้างอิง:











  1. What does it mean if a baby has a white tongue?, Medical News Today
  2. เชื้อราในปากจากการให้นมแม่ ส่งผลกระทบอย่างไร, Hello คุณหมอ
  3. เชื้อราในช่องปาก ปัญหาสุขภาพของเด็กที่พ่อแม่ควรรู้, Pobpad
  4. Thrush and Yeast Infections, NationWideChildren’s
  5. ฝ้าขาว...เชื้อราในปากเบบี้, สถาบันราชานุกูล
  6. 8 ประโยชน์จากการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ ที่คุณแม่ต้องรู้, โรงพยาบาลวิมุต
  7. Thrush in babies, Children’s Health Queensland
  8. เชื้อราในปาก (Oral Thrush), Pobpad
  9. Thrush, Seattle Children’s
  10. Oral thrush, Mayo Clinic

 

อ้างอิง ณ วันที่ 21 กันยายน 2568















































































คุณแม่ตั้งครรภ์






คุณแม่ตั้งครรภ์














แม่ผ่าคลอด






แม่ผ่าคลอด














ดูแลลูกตามช่วงวัย






ดูแลลูกตามช่วงวัย














ภูมิแพ้ในเด็ก






ภูมิแพ้ในเด็ก














แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน






แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน














พัฒนาการสมองลูกน้อย






พัฒนาการสมองลูกน้อย














การขับถ่ายลูกน้อย






การขับถ่ายลูกน้อย














แม่ให้นม






คุณแม่ให้นมบุตร














ตัวช่วยสำหรับคุณแม่






เครื่องมือตัวช่วยคุณแม่ท้อง พร้อมปฎิทินการตั้งครรภ์














อาหารเด็ก






อาหารเด็ก














S-Mom Club พร้อมเคียงข้างทุกช่วงเวลาที่สำคัญของคุณและลูก






S-Mom Club














วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ






วิดีโอแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ














ผลิตภัณฑ์






ข้อมูลผลิตภัณฑ์














โปรโมชั่น






โปรโมชัน




















































ความคิดเห็น

ความคิดเห็น (0)

ยังไม่มีความคิดเห็นสำหรับบทความนี้

โฆษณา

คำนวณฤกษ์แต่งงาน 2568

ปฏิทินไทย

25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันอังคาร
Advertisement Placeholder (Below Content Area)