วันนี้เรามาแชร์ เทคนิคบริหารสมอง ให้ทุกคนลองทำดู
เผยเคล็ดลับการบริหารสมองจากนักวิจัยทางจิตวิทยาการศึกษาที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี
ประสบการณ์และผลงานวิจัยของสมชาย วัฒนากุล
ในบทนี้ เราจะลงลึกถึงประวัติและผลงานของสมชาย วัฒนากุล ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในนักวิจัยชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้าน จิตวิทยาการศึกษา และ การบริหารสมอง มากกว่า 15 ปี ประสบการณ์ของสมชายได้รับการพิสูจน์จากผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำ เช่น Journal of Cognitive Psychology และ Educational Neuroscience Review ซึ่งยืนยันความลึกซึ้งของความรู้ที่เขาสั่งสมมา รวมทั้งได้รับเชิญเป็นวิทยากรบนเวทีสัมมนาระดับชาติและนานาชาติอย่าง Asia-Pacific Brain Science Conference และ International Symposium on Cognitive Development.
จากมุมมองเชิงประสบการณ์ สมชายใช้เทคนิคบริหารสมองที่พัฒนาขึ้นโดยอิงจากหลักจิตวิทยาการศึกษาที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการโฟกัสและจัดการความเครียด ซึ่งสะท้อนผ่านงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า เทคนิคเหล่านี้ช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้และพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้จริง (Wattanakul et al., 2021). ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในภาคปฏิบัติเช่น การฝึกสมาธิแบบมีโครงสร้าง (structured mindfulness training) ที่ทำให้ผู้เรียนสามารถจัดการกับสิ่งเร้ารบกวนและเพิ่มสมาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
จุดเด่นที่ทำให้สมชายแตกต่างจากนักวิจัยอื่นคือการผสมผสานองค์ความรู้ทางจิตวิทยาเข้ากับเทคนิคการบริหารสมองอย่างลงตัว ทั้งในแง่ของงานวิจัยและการนำเสนอ ซึ่งยังมีข้อจำกัดของการวิจัยส่วนใหญ่ที่มักเน้นในกลุ่มตัวอย่างจำกัดความหลากหลายทางประชากร ซึ่งสมชายได้แนะนำให้มีการทดลองในบริบทที่กว้างขึ้นเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลศึกษา (Wattanakul, 2023).
โดยรวมแล้ว ความรู้และผลงานของสมชายไม่เพียงแต่แสดงถึงความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือในวงการ แต่ยังมีประโยชน์ต่อการนำไปใช้จริงในด้านการบริหารสมองทั้งในแวดวงการศึกษาและองค์กร ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ของบทถัดไปที่จะพูดถึงการเชื่อมโยง จิตวิทยาการศึกษา กับการพัฒนาเทคนิคบริหารสมองอย่างเป็นระบบ
แหล่งอ้างอิง:
Wattanakul, S. (2021). Structured Mindfulness Training and Cognitive Performance: A Controlled Study. Journal of Cognitive Psychology.
Wattanakul, S. (2023). Expanding the Scope of Brain Management Techniques: Challenges and Opportunities. Educational Neuroscience Review.
จิตวิทยาการศึกษาและบทบาทในการบริหารสมอง
ในฐานะที่เป็นสาขาหนึ่งของจิตวิทยา จิตวิทยาการศึกษา เป็นศาสตร์ที่เน้นศึกษากระบวนการเรียนรู้และปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาความรู้ความสามารถของมนุษย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเทคนิคและวิธีการที่ช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นับเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการศึกษาและพัฒนา เทคนิคบริหารสมอง เพราะสมองถือเป็นเครื่องมือหลักในการรับรู้ จดจำ และแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งต้องได้รับการดูแลและฝึกฝนอย่างเหมาะสม (Santrock, 2020; Woolfolk, 2019).
ในมุมมองของนักวิจัยจิตวิทยาการศึกษาอย่าง สมชาย วัฒนากุล การนำความรู้ในสาขานี้มาประยุกต์ใช้ในด้านการบริหารสมองนั้นมุ่งเน้นที่การเพิ่มสมาธิและการพัฒนาการทำงานของสมองผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่มีโครงสร้างชัดเจนและเหมาะสม โดยใช้หลักการทางจิตวิทยาการศึกษา เช่น การจัดการสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การปรับรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาให้เหมาะสมกับรูปแบบความจำ และการใช้เทคนิคการกระตุ้นสมองผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลและการแก้ไขปัญหา (Bruning et al., 2018).
ตัวอย่างเช่น การฝึกใช้เทคนิคแบบ Mindfulness ที่ได้รับความนิยมในวงการจิตวิทยาการศึกษา พบว่าช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจ่อและลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง (Zeidan et al., 2010) นอกจากนี้การออกแบบกิจกรรมเรียนรู้ที่เน้นการกระตุ้นประสาทสัมผัสและการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ยังช่วยกระตุ้นส่วนหน้าของสมอง (prefrontal cortex) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางแผนและการตัดสินใจได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ความรู้ในจิตวิทยาการศึกษายังต้องใช้ควบคู่กับการวิจัยทางประสาทวิทยา (neuroscience) เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในการทำงานของระบบประสาทซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพของเทคนิคบริหารสมองที่นำเสนอ (Kandel, Schwartz, & Jessell, 2012). การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้อย่างโปร่งใสและอ้างอิงข้อมูลที่ตรวจสอบได้ ทำให้เทคนิคที่พัฒนาขึ้นมีความน่าเชื่อถือและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างจริงจังในชีวิตประจำวันและในบริบทของการศึกษา
เทคนิคบริหารสมอง: วิธีเพิ่มสมาธิและพัฒนา brain training
เมื่อพูดถึงการบริหารสมอง หลายคนอาจนึกถึงวิธีการที่ซับซ้อนหรือเครื่องมือราคาแพง แต่ในความจริง สมชาย วัฒนากุล นักวิจัยด้านจิตวิทยาการศึกษาที่มีประสบการณ์กว่า 15 ปี กลับเสนอเทคนิคบริหารสมองที่ง่ายและนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันอย่างน่าทึ่ง
หนึ่งใน วิธีเพิ่มสมาธิ ที่สมชายแนะนำคือการใช้เทคนิค Pomodoro Technique ซึ่งเป็นการแบ่งเวลาการทำงานออกเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ 25 นาที โดยระหว่างนั้นให้ตั้งใจทำงานหรือติวหนังสืออย่างเต็มที่ จากนั้นพัก 5 นาทีเพื่อให้สมองได้ผ่อนคลาย เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดความเหนื่อยล้าของสมองได้อย่างชัดเจน นักศึกษาที่นำวิธีนี้ไปใช้รายงานว่าความสามารถในการจดจำและเรียนรู้ดีขึ้นถึง 30% (Smith et al., 2018)
นอกจากนี้ สมชายยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของ การฝึกสมอง (brain training) ด้วยการเล่นเกมฝึกความจำ เช่น เกมจับคู่ภาพ หรือใช้แอปพลิเคชันฝึกสมองที่ออกแบบตามหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของสมองและการประสานงานระหว่างเซลล์ประสาท ทดลองในกลุ่มอาสาสมัครพบว่าหลังจากฝึกสมอง 20 นาทีต่อวัน ติดต่อกัน 4 สัปดาห์ สามารถปรับปรุงความสามารถในการแก้ปัญหาได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (Wang & Lee, 2020)
ลองดูตัวอย่างการจัดตารางเวลาฝึกสมองและเพิ่มสมาธิ ที่สมชายแนะนำไว้ในตารางนี้
ช่วงเวลา | กิจกรรม | รายละเอียด | ผลที่คาดหวัง |
---|---|---|---|
08:00 - 08:25 | ทำงาน/ศึกษา (Pomodoro 1) | ตั้งใจเต็มที่ ไม่มีสิ่งรบกวน | เพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพการเรียนรู้ |
08:25 - 08:30 | พักเบรกสั้น | ออกกำลังกายเบาๆ หรือยืดเส้นยืดสาย | คลายเครียดและเพิ่มพลังสมอง |
18:00 - 18:20 | ฝึกสมอง (เกมจับคู่ภาพ) | ใช้แอปฝึกสมอง หรือเกมฝึกความจำ | เสริมสร้างเชื่อมโยงสมองด้านความจำและคิดวิเคราะห์ |
21:00 - 21:15 | ฝึกสมาธิ | นั่งสมาธิหรือนั่งแบบมีสติ (Mindfulness) | ลดความเครียด เสริมการควบคุมสมาธิ |
ข้อสำคัญคือ เทคนิคเหล่านี้ นำไปใช้ได้ง่ายและเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย สามารถปรับเปลี่ยนเวลาและรูปแบบตามความสะดวกของแต่ละคนได้ สมชาย แนะนำให้เริ่มจากการทำทีละน้อยและต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และยังเน้นย้ำว่า การบริหารสมองไม่ได้หมายความถึงการทบทวนหรืออ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการดูแลสุขภาพจิตใจและร่างกายควบคู่กัน (Neuroscience Journal, 2022)
นอกจากงานวิจัยและเทคนิคต่างๆ สมชายยังให้น้ำหนักกับประสบการณ์ตรงจากผู้ที่นำเทคนิคไปใช้แล้วพบว่าความเครียดลดลง การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรู้สึกมีพลังสมองที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การบรรยายและการถ่ายทอดความรู้เพื่อการต่อยอด
ในเส้นทางการเป็นนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้าน จิตวิทยาการศึกษา และการ บริหารสมอง กว่า 15 ปีของ สมชาย วัฒนากุล การบรรยายและการสื่อสารความรู้กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เทคนิคต่าง ๆ ที่เขาค้นคว้าและพัฒนาขึ้นสามารถเข้าถึงผู้คนได้อย่างกว้างขวาง ภายใต้เวทีสัมมนาระดับชาติและนานาชาติ สมชายมักเป็นผู้ส่งต่อความรู้ที่ไม่เพียงแค่เป็นทฤษฎี แต่แฝงด้วยประสบการณ์จริงและกรณีศึกษาอันทรงคุณค่า
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการบรรยายในงาน สัมมนา Brain Health Symposium 2022 ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งสมชายได้ใช้เทคนิคการฝึกสมองผ่านกิจกรรม interactive ที่ช่วยเพิ่มความจำและสมาธิให้ฝูงชนผู้ฟังกว่า 300 คน ในงานนี้ ผู้เข้าร่วมได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในวิธีคิดและการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังจากทดลองฝึกฝนตามวิธีที่สมชายแนะนำเป็นเวลา 4 สัปดาห์ตามที่ติดตามผล รายงานจาก วารสารจิตวิทยาเชิงประยุกต์ (Journal of Applied Psychology) ฉบับเดือนมีนาคม 2023 ยังระบุถึงความก้าวหน้าในด้านสมาธิและการจัดการความเครียดของกลุ่มตัวอย่างอย่างชัดเจน (Wattanakul, 2023)
สมชายมองว่า การบรรยายไม่ใช่เพียงการสื่อสารข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างประสบการณ์เรียนรู้ที่ปลุกความอยากรู้และความกระตือรือร้นในตัวผู้ฟัง โดยเฉพาะในการถ่ายทอด เทคนิคบริหารสมอง ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ความสำเร็จของเวิร์กช็อปที่เขาจัดขึ้นจึงสะท้อนผ่านคำชื่นชมและการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมของผู้เข้าร่วมอย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยความเชี่ยวชาญและความสม่ำเสมอในการเผยแพร่ความรู้ สมชายจึงกลายเป็นตัวเชื่อมที่สำคัญระหว่างงานวิจัยทางวิชาการและการปฏิบัติจริง ช่วยให้เทคนิคบริหารสมองที่เขาพัฒนาสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งนี่คือก้าวสำคัญที่ทำให้ศาสตร์แห่งสมองไม่ใช่เรื่องยากเกินเอื้อมสำหรับทุกคน
การจัดการความเครียดและการเพิ่มสมาธิในชีวิตประจำวัน
ในบทนี้ เรามาวิเคราะห์และเปรียบเทียบ เทคนิคบริหารสมอง ที่นำเสนอโดย สมชาย วัฒนากุล ซึ่งเน้นการจัดการความเครียดควบคู่กับการเพิ่มสมาธิ โดยใช้พื้นฐานจากจิตวิทยาการศึกษาและบริหารสมองที่ผ่านการวิจัยและทดลองจริงกว่า 15 ปี จุดเด่นของเทคนิคนี้คือการสร้างสมดุลระหว่างจิตใจและสมอง ช่วยให้ผู้ปฏิบัติสามารถเผชิญกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกับเสริมสร้างสมาธิที่ยั่งยืน
ข้อดีของเทคนิคของสมชาย ได้แก่:
- การผสมผสานวิธีการทางจิตวิทยาเข้ากับการบริหารสมองอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำให้เกิดผลได้เร็วและชัดเจน
- การใช้ วิธีการง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ที่สามารถนำไปใช้จริงได้ในชีวิตประจำวัน เช่น การฝึกหายใจแบบมีสติเพื่อคลายเครียดและการฝึกสมาธิแบบมีเป้าหมาย
- ยืนยันด้วยผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำ และการนำเสนอในเวทีสัมมนาระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือของเนื้อหา
ในแง่ของ ข้อจำกัด, เทคนิคนี้ยังต้องอาศัยความสม่ำเสมอจากผู้ปฏิบัติ เนื่องจากผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นเมื่อมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีความแตกต่างในการตอบสนองของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและปัจจัยภายนอกอื่น ๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคบริหารสมองอื่น ๆ พบว่า การเน้นด้านความเครียดและสมาธิในเวลาเดียวกัน ทำให้เทคนิคของสมชายโดดเด่นในแง่ของการใช้งานที่ครอบคลุมและส่งผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาว ขณะที่บางเทคนิคอาจมุ่งเน้นเพียงด้านใดด้านหนึ่ง เช่น สมาธิอย่างเดียว หรือการผ่อนคลายเพียงชั่วคราว
ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือการเรียนรู้และฝึกตามขั้นตอนที่สมชายวางกรอบไว้ควบคู่กับการประเมินและปรับเทคนิคให้เหมาะสมกับตนเอง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด รวมถึงการใช้องค์ความรู้จากงานวิจัยและเอกสารอ้างอิงที่เผยแพร่แล้วเพื่อความน่าเชื่อถือ (Somchai Watanakul, 2023; Journal of Educational Psychology).
ภาพรวมแล้ว เทคนิคบริหารสมองของสมชาย วัฒนากุลช่วยตอบโจทย์ปัญหาหลัก pain points ของผู้คนในยุคปัจจุบัน ทั้งเรื่องความเครียดและสมาธิได้อย่างลงตัวและเชื่อถือได้
ความคิดเห็น